2554 การเข้ามาของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่ ส่งผลให้มีการปรับปรุงและพัฒนาทีมอย่างมาก มีการนำระบบบริหารจัดการสโมสรฟุตบอลอาชีพเข้ามาใช้กับบริษัท เช่น การทำสัญญาจ้างนักฟุตบอล การเจรจา และทำสัญญาซื้อขายนักฟุตบอลด้วยสัญญามาตรฐาน การสร้างสนามฟุตบอลแห่งใหม่ตามมาตรฐานของบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เพื่อใช้เป็นสนามเหย้า การจัดทำระบบบัญชี การเงิน กฎหมาย การตลาด การโฆษณา และการประชาสัมพันธ์ เต็มรูปแบบ เพื่อสร้างความนิยมให้แก่ทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ และความน่าเชื่อถือแก่บริษัท ผลจากการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการธุรกิจ และพัฒนาทีมอย่างจริงจัง ภายใต้นโยบายของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรคนใหม่ ส่งผลให้บุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นทีมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทยพรีเมียร์ลีกอย่างรวดเร็ว มีผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือแฟนคลับมากถึง 65, 000 คน [7] มีผู้เข้าชมเกมการแข่งขันนัดละไม่น้อยกว่า 10, 000 คน เมื่อเป็นเจ้าบ้าน และเมื่อเป็นทีมเยือนจะมีแฟนบอลติดตามไปชมไม่น้อยกว่า 1, 500 คน อีกทั้งยังเป็นทีมที่สร้างสถิติผู้เข้าชมสูงสุดของไทยพรีเมียร์ลีก คือ 25, 000 คน และสร้างสถิติจำหน่ายของที่ระลึกได้สูงสุด 1, 400, 000 บาท ภายในวันเดียว คือนัดที่เตะกับเมืองทองยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2553 [7] แฟรงค์ โอฮานด์ซา ดาวซัลโวไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2554 มีส่วนช่วยให้บุรีรัมย์คว้าแชมป์ลีกสมัยแรกได้สำเร็จ ในฤดูกาล 2554 ทีมบุรีรัมย์-พีอีเอได้เป็นแชมป์ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกหลังจากเอาชนะ ทีมสโมสรฟุตบอลทหารบก ที่สนามกีฬากองทัพบก เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2554 ได้คะแนน 75 คะแนน ทิ้งห่างอันดับสอง ทั้งที่ยังมีการแข่งขันเหลืออีก 4 นัด [8] โดยมีพิธีมอบถ้วยรางวัลหลังการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาล [9] และยังได้ทริปเปิลแชมป์ หรือ 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียวกัน เมื่อเอาชนะทีมการท่าเรือไทย เอฟซี ไปได้ 2-0 ที่สนามศุภชลาศัย ได้แชมป์โตโยต้า ลีกคัพ หลังจากการได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก และไทยคม เอฟเอคัพ ไปแล้ว[10] โดยถือว่าเป็นทีมฟุตบอลทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยที่ทำได้[11] และยังได้แชมป์ที่ 4 ด้วยการเอาชนะทีมเวกัลตะ เซ็นได จากเจลีก ด้วยลูกจุดโทษ ในรายการโตโยต้า พรีเมียร์คัพ ไปได้ 5-3 หลังในเวลาเสมอกัน 1-1[12] ฤดูกาล 2555–2557: ปรับโครงสร้างทีมและผลงานระดับทวีปอันโดดเด่น[แก้] ที่พักของนักฟุตบอลสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ภายหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.
การท่าเรือ เอฟซี vs บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไทยลีก 2022/2023วันเสาร์ 19 พฤศจิกายน 2565 เวลา 19:30สนาม: PAT Stadium Share Tweet Line 0 ผลบอลสด Live Score ผลบอล การท่าเรือ เอฟซี 0-0 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ข้อมูลน่าสนใจ สถิติ-รายชื่อผู้เล่น คิดอย่างไรกับเรื่องนี้? รอโหลดข้อความของเพื่อน ๆ ด้านล่างนี้สักครู่ แล้วร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้เลย! ผลงานที่เจอกันล่าสุด วันที่รายการทีมVSทีม 19 ก. พ. 65 ไทยลีก 2 - 1 10 ต.
สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด - วิกิพีเดียจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดชื่อเต็มสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ดฉายาปราสาทสายฟ้า (The Thunder Castles) ก่อตั้งพ. ศ. 2513 ในชื่อ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพ. 2553 ในชื่อ บุรีรัมย์ พีอีเอพ. 2555 ในชื่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดสนามช้างอารีนาความจุ32, 600 ที่นั่งเจ้าของบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัดประธานเนวิน ชิดชอบผู้จัดการบริพัทธ์ สูนรอดผู้ฝึกสอนมาซาตาดะ อิชิอิลีกไทยลีก2564–65ไทยลีก, อันดับที่ 1เว็บไซต์เว็บไซต์สโมสร สีชุดทีมเหย้า สีชุดทีมเยือน ฤดูกาลปัจจุบัน ทีมของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ฟุตบอล (ชาย) ฟุตบอลบี (ชาย) อีสปอร์ต สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย เป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของประเทศ สโมสรก่อตั้งใน พ.
ได้อีกสมัย โดยสามารถเอาชนะคู่ปรับที่ยังไม่เคยชนะ ปราสาทสายฟ้า ได้เลย คือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปได้ถึง 3-1 จาก ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ในนาทีที่ 14, จุดโทษของอันเดรส ตุญเญซ ในนาทีที่ 66 และ จักรพันธ์ แก้วพรม ในนาทีที่ 83[30] ในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม ปราสาทสายฟ้า ซึ่งถูกจับอยู่ในกลุ่มเอฟร่วมกับ เอฟซี โซล, ซานตงลู่เนิ่งไท่ชาน และซานเฟรซ ฮิโรชิมะ ปรากฏว่าทำผลงานได้ย่ำแย่มาก ไม่ชนะใครเลย เสมอ 1 และแพ้ 5 ตกรอบแบ่งกลุ่ม โดยเป็นทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม และเป็นทีมที่สถิติที่แย่ที่สุดของเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกในปีนี้อีกด้วย[31] และเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ. 2559 แฟนเพจอย่างเป็นทางการของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด [32] เปิดเผยแถลงข่าวการขาย ธีราทร บุญมาทัน ให้กับทีมร่วมลีกอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข้อเสนอซื้อจากหลายทีม หลังจบฤดูกาล 2559 ที่ไม่ค่อยสวยงาม ในไทยลีก ปราสาทสายฟ้า แข่งทั้งหมด 30 นัด มี 55 คะแนน ชนะ 15 เสมอ 10 แพ้ 5 อยู่อันดับที่ 4 ไม่สามารถไปเล่นเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2553[33] ส่วนในการแข่งขันฟุตบอล ในโตโยต้า ลีกคัพ ปราสาทสายฟ้า คว้าแชมป์ร่วมกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดย ปราสาทสายฟ้า เลือกลงแข่งขันแม่โขงคลับแชมเปียนชิพ ส่วนในช้าง เอฟเอคัพ ปราสาทสายฟ้า ยุติเส้นทางไว้ที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังบุกไปแพ้คู่ปรับตลอดกาลอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 3-1[34] และเมื่อเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แพ้ชลบุรี เอฟซี 3-0 จึงทำให้ไม่สามารถไปเล่นเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2553[35] 2560–2561: ทวงคืนแชมป์ลีกและสร้างสถิติใหม่สองปีซ้อน[แก้] ในเดือนมกราคม 2560 เนวิน ชิดชอบได้เปิดตัวสโมสรด้วยสโลแกน "สไตรค์แบ็ค" หรือทวงคืนทุกแชมป์[36] สโมสรประเดิมฤดูกาล 2560 ในรายการแม่โขงคลับแชมเปียนชิพ แม้ว่าในเลกแรกจะบุกไปแพ้ล้านช้าง ยูไนเต็ดที่ประเทศลาว 1–0[37] แต่ในเลกที่สอง บุรีรัมย์กลับมาเอาชนะไปได้ 2–0 นับผลประตูรวม 2–1 ทำให้ทีมป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ[38] ต่อมาในการแข่งขันรายการหลักอย่างไทยลีก บุรีรัมย์ประเดิมสนามได้ไม่ดีนัก พวกเขาต้องเปิดบ้านไล่ตามตีเสมอชลบุรี 2–2 หลังจากที่โดนนำ 0–2 ในครึ่งแรก แต่หลังจากนั้น ทีมไม่แพ้ใครใน 11 นัดแรก โดยหนึ่งในนั้นมีเกมที่บุรีรัมย์เปิดบ้านเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่างเอสซีจี เมืองทองด้วยผล 2–0 จากประตูของฌาฌาและสุเชาว์ นุชนุ่ม[39] ทีมเก็บคะแนนอย่างต่อเนื่องจนสามารถทำคะแนนเทียบเท่าเมืองทองหลังจบเลกแรก โดยเป็นรองเพียงแค่ผลต่างประตูได้-เสีย อย่างไรก็ตาม รันกอ ปอปอวิช ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน[40] โดยมีโบซีดาร์ บันโดวิช เข้ามาคุมทีมต่อ[41] ในเลกที่สอง บุรีรัมย์ชนะถึง 16 นัดและเสมอเพียงนัดเดียวในการพบกับเมืองทอง พวกเขาคว้าแชมป์ไทยลีกอย่างเป็นทางการในเกมนัดที่ 32 ที่เปิดบ้านเอาชนะโปลิศ เทโร 4–0 และยังสามารถทำสถิติเก็บคะแนนในลีกมากที่สุดที่ 86 คะแนน หลังจากบุกไปชนะชลบุรี 2–1 ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล[42] อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วย บุรีรัมย์ตกรอบก่อนรองชนะเลิศของทั้งโตโยต้า ลีกคัพ (แพ้เมืองทอง 0–2)[43] และช้าง เอฟเอคัพ (แพ้เชียงราย ยูไนเต็ด 1–0) บุรีรัมย์ประเดิมฤดูกาล 2561 ด้วยการแข่งขันไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ เป็นการพบกันระหว่างแชมป์ไทยลีก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และแชมป์เอฟเอคัพ สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด ผลการแข่งขันในเวลาจบลงด้วยผลเสมอ 2–2 ก่อนที่บุรีรัมย์จะพ่ายจุดโทษ 7–8[44] ต่อมาในการแข่งขันเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก บุรีรัมย์อยู่ในกลุ่มจี ร่วมกับกว่างโจวเอเวอร์แกรนด์, เซเรซโซ โอซากะ และเชจูยูไนเต็ด ซึ่งบุรีรัมย์สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จหลังจากที่บุกไปเอาชนะเชจูยูไนเต็ด 1–0 ทำให้บุรีรัมย์เป็นสโมสรแรกจากไทยที่สามารถบุกไปเอาชนะสโมสรเกาหลีใต้ได้อีกด้วย[45] ต่อมาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย บุรีรัมย์เปิดบ้านเอาชนะช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์จากเกาหลีใต้ในเลกแรกไปได้ 3–2[46] ก่อนที่จะบุกไปแพ้ในเลกที่สอง 0–2[47] ทำให้บุรีรัมย์แพ้ด้วยผลประตูรวม 3–4 สิ้นสุดเส้นทางในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนในการแข่งขันไทยลีก บุรีรัมย์ประเดิมสนามด้วยการเอาชนะราชบุรี มิตรผลไปได้ 2–1[48] ทีมคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 6 ในเกมนัดที่ 31 ที่เปิดบ้านเอาชนะโปลิศ เทโรไปได้ 2–0[49] และในนัดสุดท้ายที่บุกไปชนะราชบุรี มิตรผล 1–0 นั้น บุรีรัมย์เก็บคะแนนในลีกมากที่สุดที่ 87 คะแนน ทำลายสถิติเดิมของตนเองเมื่อฤดูกาลที่แล้ว[2] แต่ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วย บุรีรัมย์ตกรอบรองชนะเลิศของโตโยต้า ลีกคัพด้วยการพ่ายแพ้ต่อบางกอกกล๊าส 1–2 ที่สนามบุณยะจินดา[50] ส่วนในช้าง เอฟเอคัพ บุรีรัมย์ได้เข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อสิงห์เชียงราย 2–3 2562–2564: ไร้ความสำเร็จ[แก้] ป้ายโฆษณาชุดแข่งขันของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดประจำฤดูกาล 2562 ที่ช้างอารีนา ในฤดูกาล 2562 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประเดิมแชมป์ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพสมัยแรก ด้วยการล้างตาเอาชนะสิงห์เชียงราย 3–1[51] อย่างไรก็ตาม สโมสรทำผลงานในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกได้ไม่ดีนัก โดยเก็บได้เพียง 4 คะแนนจากการแข่ง 6 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบแพ้คัดออกได้[52] เช่นเดียวกันกับในไทยลีกที่สโมสรก็ทำผลงานได้ไม่ค่อยดีเช่นกัน พวกเขาต้องลุ้นแย่งแชมป์กับสิงห์เชียงราย และการท่าเรือจนถึงช่วงสุดท้ายของฤดูกาล และในเกมลีกนัดสุดท้ายของฤดูกาล บุรีรัมย์บุกไปเยือนเชียงใหม่ โดยในนัดนี้ ถ้าบุรีรัมย์ชนะ หรือ บุรีรัมย์ เสมอหรือแพ้ แล้วสิงห์เชียงรายไม่ชนะ บุรีรัมย์จะคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 7 ทันที แต่สุดท้าย บุรีรัมย์ทำได้เพียงเสมอเชียงใหม่ 1–1 ส่วน สิงห์เชียงราย บุกไปเอาชนะ สุพรรณบุรี 5–2 ทำให้ทั้งสองทีมมีคะแนนเท่ากัน แต่สิงห์ เชียงราย มีสถิติการพบกันตัวต่อตัว (เฮด-ทู-เฮด) เหนือกว่าบุรีรัมย์ ทำให้บุรีรัมย์พลาดการคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 7[53] ส่วนในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยในประเทศ บุรีรัมย์ตกรอบ ช้าง เอฟเอคัพ ด้วยการพ่ายแพ้ต่อ ราชบุรี มิตรผล ในรอบรองชนะเลิศ[54] และในโตโยต้า ลีกคัพ บุรีรัมย์เข้าชิงชนะเลิศกับ พีที ประจวบ ที่สนามกลางอย่างเอสซีจีสเตเดียม แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ในการยิงลูกโทษ[55] ทำให้ในฤดูกาลนั้น ถ้าไม่นับไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพแล้ว บุรีรัมย์ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลยแม้แต่รายการเดียว[56] ในฤดูกาล 2563 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประเดิมการแข่งขันในรายการเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือกรอบสอง โดยพวกเขาสามารถเปิดบ้านเอาชนะนครโฮจิมินห์ไปได้ 2–1[57] แต่ในรอบเพลย์ออฟ พวกเขาบุกไปพ่ายเซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี 0–3 ทำให้ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มได้[58] ส่วนในลีก บุรีรัมย์ก็ทำผลงานได้ไม่ดีเช่นกัน พวกเขาอยู่ในอันดับที่ 11 จาก 16 ทีม มีเพียง 4 คะแนนจากการลงเล่น 4 นัดก่อนพักลีกเนื่องจากการระบาดทั่วของโควิด-19 อีกทั้งในช่วงพักลีก สโมสรได้ยกเลิกสัญญาผู้เล่นต่างชาติแทบทั้งหมด ซึ่งรวมถึงอันเดรส ตุญเญซ ผู้เล่นแนวรับที่ลงเล่นให้กับสโมสรมาตั้งแต่ฤดูกาล 2557[59] และเมื่อลีกกลับมาแข่งขันอีกได้ไม่กี่นัด โบซีดาร์ บันโดวิช ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนหลังจากที่คุมทีมเปิดบ้านแพ้นครราชสีมา มาสด้า 1–2 และอาเลชังดรี กามา ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสรในช่วงปี 2557–2559 ได้กลับเข้ามาคุมทีมต่อ ทำให้บุรีรัมย์กลับมามีผลงานในลีกที่ดีขึ้น จากที่เคยอยู่อันดับที่ 12 ก็สามารถขึ้นมาจบอันดับที่ 2 หลังจบฤดูกาลได้ อย่างไรก็ตาม สโมสรตกรอบฟุตบอลถ้วยรายการสำคัญอย่างช้าง เอฟเอคัพด้วยการพ่ายแพ้ต่อชลบุรี 2–1 ในรอบรองชนะเลิศ[60] ทำให้บุรีรัมย์ไม่สามารถคว้าแชมป์รายการหลักได้เป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน 2564-ปัจจุบัน: กลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ[แก้] ในฤดูกาล 2564–65 แม้ว่าสโมสรจะเริ่มต้นด้วยการทำผลงานในไทยลีกได้ดี โดยมีช่วงที่ชนะติดต่อกันถึง 6 นัด แต่พวกเขาก็มีสถิติที่ไม่ดีในการออกไปเยือนทีมใหญ่ด้วยกันเอง โดยในนัดที่ออกไปเยือนทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และชลบุรี ซึ่งเป็นคู่แข่งหัวตารางโดยตรง พวกเขาแพ้ทั้งสามนัดและยิงประตูไม่ได้เลย ทำให้สโมสรตัดสินใจแยกทางกับกามาหลังจบการแข่งขันนัดสุดท้ายของเลกแรกที่ทีมบุกไปเอาชนะลีโอ เชียงราย[61] โดยมีมาซาตาดะ อิชิอิ ผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่นที่เพิ่งแยกทางกับสมุทรปราการ ซิตี้ เข้ามาคุมทีมต่อ[62] นอกจากนี้ ธีราทร บุญมาทัน อดีตผู้เล่นของทีมและผู้เล่นชาวไทยคนแรกที่ชนะเลิศลีกสูงสุดของญี่ปุ่นกับโยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส ก็ได้ย้ายกลับมาเล่นให้แก่สโมสรในรอบ 5 ปีด้วย[63] สุดท้าย บุรีรัมย์กลับมาประสบความสำเร็จด้วยการคว้าทริปเปิลแชมป์ในประเทศ ซึ่งประกอบด้วยไทยลีก เอฟเอคัพ และลีกคัพ[64][65][66] นับเป็นการคว้าทริปเปิลแชมป์ในประเทศครั้งแรกของสโมสรนับตั้งแต่ฤดูกาล 2558 สนาม[แก้] เขากระโดง สเตเดียม (2553–2554)[แก้] เขากระโดง สเตเดียม เป็นสนามเหย้าเดิมของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีความจุทั้งหมด 15, 000 ที่นั่ง สนามนี้เคยเป็นสนามขององค์การบริหารส่วนจังหวัด และถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเพื่อใช้รองรับการใช้งานไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2553 ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์-การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยย้ายไปสนามแห่งใหม่ของตัวเองซึ่งมีความจุ 32, 600 คน คือ สนาม นิว ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม ปัจจุบันก็ได้โอนสนามนี้ให้เป็นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์เหมือนเดิมและบริเวณที่ว่างข้างสนามได้สร้างศูนย์ราชการศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์แห่งใหม่ ช้างอารีนา (2554–ปัจจุบัน)[แก้] ดูบทความหลักที่: ช้างอารีนา ช้างอารีนา หรือชื่อที่ใช้ในการแข่งขันระดับทวีปว่า บุรีรัมย์ สเตเดียม (อังกฤษ: Chang ARENA, Buriram Stadium) ตั้งอยู่ที่ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ สนามแห่งนี้มีความจุ 35, 000 ที่นั่ง โครงสร้างประกอบด้วยเหล็กและไฟเบอร์ ซึ่งสร้างด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท โดยเป็นเงินสนับสนุนของไอ-โมบาย และบางส่วนของนายเนวิน ชิดชอบ และจัดเป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานฟีฟ่า, เอเอฟซี และเอเอฟเอฟ และยังผ่านมาตรฐานระดับเอคลาสสเตเดียมจากเอเอฟซี และยังผ่านมาตรฐานระดับเวิลด์คลาสจากฟีฟ่า และยังได้บันทึกลงกินเนสบุค ว่าเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน[67] ภาพพาโนรามาของช้างอารีนา สโมสรคู่ปรับ[แก้] เมืองทอง ยูไนเต็ด[แก้] ภายหลังจากที่เนวิน ชิดชอบซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บุรีรัมย์ได้กลายเป็นทีมชั้นนำและเป็นคู่แข่งในการแย่งแชมป์ไทยลีกกับเมืองทอง ยูไนเต็ดตั้งแต่ฤดูกาล 2553 ถึง 2560 โดยมีนัดการแข่งขันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญอยู่หลายนัด และการพบกันของทั้งคู่ได้รับความสนใจจากแฟนบอลเป็นอย่างมาก ก่อนฤดูกาล 2559 บุรีรัมย์มีสถิติที่ดีในการพบกับเมืองทองโดยพวกเขาไม่เคยแพ้เลย รวมถึงยังมีสถิติที่ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าคนสำคัญของเมืองทองไม่เคยยิงประตูใส่บุรีรัมย์ได้จนมีวลีที่กล่าวว่า "แพ้ใครแพ้ได้ แต่ไม่แพ้เมืองทอง" แต่ในการแข่งขันไทยลีก ฤดูกาล 2559 เลกแรก บุรีรัมย์ก็เสียสถิติไร้พ่ายนี้ เมื่อเมืองทอง ยูไนเต็ดสามารถบุกไปเอาชนะได้ 3-0 ซึ่งได้ 2 ประตูจากเคลย์ตง ซิลวา และอีก 1 ประตูจากอดิศักดิ์ ไกรษร ซึ่งเป็นอดีตผู้เล่นของบุรีรัมย์[68] หลังจากนั้นในฤดูกาลเดียวกัน บุรีรัมย์ก็แพ้ให้กับเมืองทองอีกสองนัด ได้แก่ เกมลีกเลกที่สองที่บุรีรัมย์บุกไปแพ้ 3–2 ซึ่งในนัดนั้นก็มีจังหวะจุดโทษที่เป็นปัญหาระหว่างจีโอกูและธีราทร บุญมาทัน และอีกนัดคือนัดที่บุรีรัมย์บุกแพ้ 3–1 ในการแข่งขันช้าง เอฟเอคัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทำให้บุรีรัมย์พลาดโอกาสคว้าแชมป์ในรายการนี้ นอกจากนี้ ทั้งสองทีมยังได้เข้าชิงชนะเลิศโตโยต้า ลีกคัพ 2559 แต่การแข่งขันถูกยกเลิกเพื่อไว้อาลัยแด่การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ได้กลับมาพบกันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของโตโยต้า ลีกคัพ 2560 และเป็นเมืองทองที่เป็นฝ่ายบุกชนะ 2–0 ซึ่งธีราทรสามารถยิงประตูใส่ทีมเก่าได้ ส่วนในไทยลีกฤดูกาลเดียวกันนั้น บุรีรัมย์ไม่แพ้ในการเจอกับเมืองทอง โดยในเลกแรก พวกเขาเป็นฝ่ายเปิดบ้านเอาชนะไปได้ 2–0 ยุติสถิติชนะรวด 15 นัดของเมืองทอง ส่วนในเลกที่สอง ก็เสมอกันที่ธันเดอร์โดมสเตเดียม 1–1 สถิติ[แก้] ผลงานตามฤดูกาลแข่งขัน[แก้] ฤดูกาล ลีก[69] เอฟเอคัพ ลีกคัพ โตโยต้าพรีเมียร์คัพ ควีนสคัพ ถ้วย ก/แชมเปียนส์คัพ เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก เอเอฟซีคัพ อาเซียนคลับ แม่โขงคลับ ผู้ทำประตูสูงสุด ระดับลีก แข่ง ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย แต้ม อันดับ ชื่อ ประตู 2547/48 TPL 18 9 5 4 23 19 32 2 – GR ศุภกิจ จินะใจ 10 2549 22 6 12 DQ 7 2550 30 13 3 14 35 40 42 8 ธนา ชะนะบุตร 2551 38 15 61 1 รณชัย รังสิโย 16 2552 37 41 36 R4 รอบน็อคเอ้าท์ RU QR1 สุริยา ดอมไธสง 2553 17 51 63 ไม่ได้เข้าร่วม สุเชาว์ นุชนุ่ม 11 2554 34 26 64 85 W แฟรงค์ โอฮานด์ซา 2555 60 54 แฟรงค์ โอโปคู 2556 0 73 78 QF การ์เมโล กอนซาเลซ 2557 69 79 คาเบียร์ ปาตีโญ 21 2558 25 98 24 84 ดิโอโก 33 2559 TL 55 อันเดรส ตุญเญซ 2560 T1 27 86 ฌาฌา 2561 28 76 SF R16 จีโอกู 2562 58 GS สุภโชค สารชาติ 2563–64 20 ยกเลิกการแข่งขัน PO 2564–65 48 62 ศุภชัย ใจเด็ด 2565–66 แชมเปียนส์ รองชนะเลิศ อันดับที่ 3 เลื่อนชั้น ตกชั้น กำลังแข่งขัน P = ผู้เล่น W = เกมที่ชนะ D = เกมที่เสมอ L = เกมที่แพ้ F = แต้มที่ได้ A = แต้มที่เสีย Pts = แต้ม Pos = อันดับล่าสุด TPL = ไทยพรีเมียร์ลีก T1 = ไทยลีก DQ = ถูกตัดสิทธิ์ QR1 = รอบคัดเลือกแรก QR2 = รอบคัดเลือกสอง QR3 = รอบคัดเลือกสาม QR4 = รอบคัดเลือกสี่ PO = รอบเพลย์ออฟ RInt = Intermediate Round R1 = รอบที่ 1 R2 = รอบที่ 2 R3 = รอบที่ 3 R4 = รอบที่ 4 R5 = รอบที่ 5 R6 = รอบที่ 6 GR = รอบแบ่งกลุ่ม R16 = รอบ 16 ทีม QF = รอบก่อนรองชนะเลิศ SF = รอบรองชนะเลิศ RU = รองชนะเลิศ S = ถูกแบ่ง W = ชนะเลิศ ผลงานระดับทวีป[แก้] การแข่งขัน รอบ คู่แข่ง เหย้า เยือน รวม รอบเพลย์ออฟ กองทัพสิงคโปร์ 1–4 (ต่อเวลา) กลุ่ม เอช บิ่ญเซือง 1–3 1–1 โฮม ยูไนเต็ด 2–1 วาเลนเซีย 4–1 3–1 คาชิวะ เรย์โซล 3–2 0–1 อันดับที่ 4 กว่างโจว 1–2 ช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์ 0–2 2–3 บริสเบนรอร์ 0–0 (ต่อเวลา)(3–0 ลูกโทษ) กลุ่ม อี เวกัลตะ เซ็นได อันดับที่ 2 เอฟซีโซล 0–0 2–2 เจียงซู 2–0 รอบ 16 ทีมสุดท้าย บุนยอดกอร์ รอบก่อนรองชนะเลิศ Esteghlal ชานตงไท่ชาน 1–0 โปฮัง สตีลเลอร์ส เซเรโซ โอซะกะ 0–4 กลุ่ม เอฟ ซ็องนัม กว่างโจวซิตี 5–0 กัมบะ โอซากะ แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ รอบชิงชนะเลิศ เบืองเกตอังกอร์ 0–6 0–3 ซานเฟรชเช ฮิโรชิมะ ล้านช้าง ยูไนเต็ด กลุ่ม จี เชจูยูไนเต็ด เซเรซโซ โอซากะ 3–4 อูราวะ เรดไดมอนส์ เป่ย์จิงกั๋วอัน 2563 รอบคัดเลือกรอบ 2 โฮจิมินห์ซิตี เซี่ยงไฮ้พอร์ต 2565 แทกู 1–1 (ต่อเวลา)(2–3 ลูกโทษ) ผู้เล่น[แก้] ผู้เล่นชุดปัจจุบัน[แก้] หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น GK ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน MF ศศลักษณ์ ไหประโคน DF พรรษา เหมวิบูลย์ ธีราทร บุญมาทัน พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี FW อายุบ มาซิกา รัตนากร ใหม่คามิ ฟรังก์ กัสตาเญดา ชุติพนธ์ ทองแท้ ชิติพัทธ์ แทนกลาง นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (กัปตันทีม) โกรัน เคาซิช ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา รีบีน ซูลากอ ลอนซานา ดูมบูยา 29 อาทิตย์ บุตรจินดา แมกซ์ ปีเตอร์ ครีเวย์ 44 ดิเอโก บาร์ดังกา ภัทร สร้อยมาลัย 59 นพพล ละครพล อิรฟาน ดอเลาะ ธีรภักดิ์ เปรื่องนา 67 ธนดล ขาวสะอาด 75 ภูมิวรพล วรรณบุตร 77 อองตู 82 ธนิศร ไพบูลย์กิจเจริญ 89 พงศกร หาญรัตนะ 92 ธวัชชัย อินทร์ประโคน 95 เสกสรรค ราตรี 99 โจนาธาน โบลิงกี ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว[แก้] ทินกร อสุรินทร์ (ไป ขอนแก่น ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) ชินวัฒน์ วงศ์ไชย (ไป พีที ประจวบ จนจบฤดูกาล) จักรกฤษ ลาภตระกูล (ไป พีที ประจวบ จนจบฤดูกาล) สุภโชค สารชาติ (ไป ฮกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโระ จนจบฤดูกาล) ยศพล เทียงดาห์ (ไป ขอนแก่น ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) 50 กฤษณะ ดาวกระจาย (ไป เกษตรศาสตร์ จนจบฤดูกาล) 53 ศราวุธ มั่นจิตร (ไป อ่างทอง จนจบฤดูกาล) กฤตภาส วิชัยดิษฐ (ไป คัสตอม ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) รณชาติ ภูชุม (ไป คัสตอม ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) 88 นิรันดร์ ฮานส์สัน (ไป หนองบัว พิชญ จนจบฤดูกาล) — คีรอน อ้อนชัยภูมิ (ไป นนทบุรี ส.
คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-11. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. ↑ "เชียงราย 2 (8) -2 (7) บุรีรัมย์: กฎใหม่ใช้งานคุ้มกว่างฯแม่นโทษดับเซาะกราว". สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. ↑ ""บุรีรัมย์" ทีมแรกจากไทยปักธงชัยที่เกาหลีใต้ACL". สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. ↑ "บุรีรัมย์ 3-2 ชอนบุค: ปราสาทเปิดซิงทีมไทยชนะชอนบุค".
โกล. 8 ม. ค. 2560. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. ↑ "บุรีรัมย์ 2-0 เมืองทอง: กิเลนแพ้นัดแรกร่วงจ่าฝูง". 3 เมษายน 2560. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-21. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. ↑ รันกอ ปอปอวิช ลาออก ↑ บุรีรัมย์ตั้งโบซีดาร์ บันโดวิช คุมทีม ↑ "ชลบุรี 1-2 บุรีรัมย์: ปราสาทขึ้นแท่นแชมป์เก็บแต้มมากสุด". 18 พฤศจิกายน 2560. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. ↑ "บุรีรัมย์ 0-2 เมืองทอง: ปราสาทตกรอบ 8 ทีมลีกคัพครั้งแรก". 11 ตุลาคม 2560.
สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. ↑ "ชอนบุค 2 - 0 บุรีรัมย์: ปราสาทต้านไม่อยู่ตกรอบ 16 ทีม ACL". สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. ↑ "บุรีรัมย์ 2- 1 ราชบุรี: ปราสาทประเดิมชัยไทยลีก 2018". สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. ↑ "บุรีรัมย์ฯ 2-0 โปลิศ เทโร: 'ปราสาทสายฟ้า' เข้าป้ายแชมป์ลีกหลังคว้าชัยเหนือมังกรโล่เงิน". สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. ↑ "'บุรีรัมย์' พ่าย 'บางกอกกล๊าส เอฟซี' 1-2 ชวดเข้าชิงลีกคัพ". ไทยรัฐ. สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561.
FourFourTwo. 3 สิงหาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 18 เมษายน 2561. ↑ "ฝันสลาย! "บุรีรัมย์-บีจี"หมดลุ้น"ACL"หลังกิเลนร่วงช้างเอฟเอคัพ". Goal Thailand. 21 กันยายน 2559. สืบค้นเมื่อ 18 เมษายน 2561. ↑ ""ปฏิบัติการทวงคืน-STRIKE BACK"บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเปิดตัวยิ่งใหญ่สู้ศึกฤดูกาลใหม่". ข่าวสด. คอม. 13 มกราคม 2560. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. ↑ "ล้านช้าง 1 - 0 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด: ปราสาทเสียท่านัดแรกศึกชิงแม่โขง". โฟร์โฟร์ทู. 4 มกราคม 2560. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. ↑ "บุรีรัมย์อัดล้านช้าง 2-0 พลิกซิวแชมป์แม่โขง 2 สมัยซ้อน".
บุญมีฤทธิ์ จนจบฤดูกาล) ปัญญวัฒน์ นิสังรัมย์ (ไป บางกอก จนจบฤดูกาล) ณรงค์ศักดิ์ เนื่องวงษา (ไป สี่แคว ซิตี้ จนจบฤดูกาล) วรฤทธิ์ มุงคุณ (ไป สี่แคว ซิตี้ จนจบฤดูกาล) ธนวัฒน์ ทรายเพชร (ไป คัสตอม ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) พศวีร์ เหมือนมาตย์ (ไป คัสตอม ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) กิตติชัย ใยดี (ไป คัสตอม ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล) วินัย เอี่ยมโอด (ไป เกษตรศาสตร์ จนจบฤดูกาล) อภิเดช จันทร์งาม (ไป พราม แบงค็อก จนจบฤดูกาล) ภูมินทร์ วิลเลี่ยม บูรส์ (ไป พราม แบงค็อก จนจบฤดูกาล) นวพรรษ เทียนไชย (ไป พราม แบงค็อก จนจบฤดูกาล) ภานุพงศ์ วงศ์พิลา (ไป พราม แบงค็อก จนจบฤดูกาล) ผู้เล่นชุดเยาวชน[แก้] นิธิกร ศิริชู 70 วชิรวิทย์ สุภเลิศ 71 วีรวัฒน์ จันทา 72 ศักดินนท์ บุญเหลือ ณรงค์ศักดิ์ เนื่องวงษา จักรภัทร บุญทิพย์ ศักดิเสกข์ โกศล รัชชานนท์ ธรรมส่องหล้า พีรวิชญ์ คิดรอบ จิรพงศ์ พึ่งวีรวงศ์ ชนสิษฎ์ เหมราช ธนธรณ์ ประชานอก พรรธวัตร เขตชมภู ดุษฎี บูรณะจุฑานนท์ จิตติพัฒน์ สุขไสว วัชรพงษ์ โคตรบรรเทา จิรเมธ จันทร์งาม จิรพล แซ่ลิ้ว ธนกฤต โชติเมืองปัก โชติกะ เหมือนตา ธนโชติ พุกตื้อ ณัฐดนัย อู่นาท วินัย เอี่ยมโอด ฐภภพภณ บุตรแก้ว วรฤทธิ์ มุงคุณ กฤตภาส หนูแย้ม รัฐภูมิ พานเขจร ณัฐปคัลภ์ พรมทองมี บุคลากร[แก้] ผู้บริหาร[แก้] ประธานสโมสร เนวิน ชิดชอบ รองประธานสโมสร กรุณา ชิดชอบ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด กนกศักดิ์ ปิ่นแสง ผู้จัดการทีม บริพัทธ์ สูนรอด ผู้อำนวยการสายงานบัญชีและการเงิน อุสา สุวรรณชาตรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ ประมูลชัย นพสุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร ศศิรดา สุทธิลักษณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าที่ระลึก ชิดชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเยาวชน ชนม์ชนก ชิดชอบ แพทย์ประจำสโมสร ผศ.
และ แชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ 2557 พร้อมกับจบที่อันดับ 1 ใน ไทยพรีเมียร์ลีก 2557 ฤดูกาล 2558: คว้าแชมป์ห้ารายการ[แก้] สนามศุภชลาศัยเป็นสนามแข่งขันที่บุรีรัมย์คว้าแชมป์ถึง 4 รายการ (ถ้วย ก., ลีกคัพ, แม่โขง และเอฟเอคัพ) ในปี 2558 ถือเป็นปีทองของทัพ ปราสาทสายฟ้า เมื่อสามารถคว้าแชมป์มาประดับตู้โชว์ได้ถึง 5 รายการ แม้ว่าจะตกรอบแบ่งกลุ่มของศึกเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกก็ตาม ซึ่งก่อนที่ฤดูกาลนี้จะเริ่มต้น ปราสาทสายฟ้า เสริมทัพนักเตะเข้าสู่ทีมหลายราย ไม่ว่าจะเป็น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, กรวิทย์ นามวิเศษ, นฤพล อารมณ์สวะ, โก ซุล-กิ, กิลแบร์โต มาเชนา, ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ซึ่งถือว่าเป็นขุมกำลังของทีมในฤดูกาล 2558 เปิดฉากความยิ่งใหญ่ด้วยแชมป์แรก ฟุตบอลถ้วยพระราชทานประเภท ก. ด้วยการเอาชนะ กระต่ายแก้ว บางกอกกล๊าส เอฟซี ไป 1-0 จากประตูชัยของ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ในนาทีที่ 56[21] เดินหน้าต่อกับแชมป์ที่ 2 โตโยต้า ลีกคัพ สมัย 4 สามารถเอาชนะ กูปรีอันตราย ศรีสะเกษ เอฟซี ที่เพิ่งเข้าชิงรายการนี้เป็นครั้งแรก ไป 1-0 จากประตูชัยของ โก ซุล-กิ ในนาทีที่ 18[22] สานต่อความสำเร็จในปีนี้ ด้วยแชมป์ที่ 3 ไทยพรีเมียร์ลีก และเป็นแชมป์ไร้พ่ายอีกด้วย โดยไม่แพ้ใครตลอด 34 นัด ชนะ 25 นัด และเสมอไป 9 นัด ทำประตูได้ถึง 98 ลูก มากที่สุดในลีก และเสียไปเพียง 24 ประตู ซึ่งน้อยที่สุดในลีก แถมจบซีซั่นด้วยการมีแต้มมากกว่า กิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมรองแชมป์ถึง 13 คะแนนเลยทีเดียว ซึ่งการคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกในครั้งนี้ เป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกันของ ปราสาทสายฟ้า นอกจากนี้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ยังคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปครอง หลังโชว์ฟอร์มสุดโหดเหี้ยม ซัดไป 33 ประตูอีกด้วย ส่วนคู่หู่ในแนวรุกของเขาอย่าง กิลแบร์โต มาเชนา ก็ยิงไป 21 ประตู ได้อันดับ 3 ขณะที่ ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายทีมชาติไทย ก็ทำแอสซิสต์ ไป 19 ครั้ง ซึ่งสูงสุดในลีกปีนี้ ตามมาติด ๆ กับแชมป์ที่ 4 แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ ปราสาทสายฟ้า ในฐานะแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ พบกับ สิงห์ร้ายแห่งนครวัด เบิงเกต อังกอร์ ทีมชั้นนำแห่งศึกฟุตบอลลีกกัมพูชา ในศึกฟุตบอลแห่งศักดิ์ศรีเพื่อชิงความเป็นเจ้าสโมสรแห่งภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเอาชนะไปได้ 1-0 จากลูกจุดโทษของ อันเดรส ตุญเญซ ในนาทีที่ 67 ช่วยให้ ปราสาทสายฟ้า คว้าแชมป์รายการนี้ไปครอง[23] และปิดท้ายปี พ.
00 น. ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด พบ พีที ประจวบ เอฟซี ทรู สเตเดียม ถ่ายทอดสด PPTVHD/ AIS PLAY18. ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด พบ เมืองทอง ยูไนเต็ด ลีโอ เชียงราย สเตเดียม ถ่ายทอดสด AIS PLAY19. สุโขทัย เอฟซี พบ หนองบัว พิชญ เอฟซี ทะเลหลวง สเตเดียม ถ่ายทอดสด AIS PLAY19. การท่าเรือ เอฟซี พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แพท สเตเดียม ถ่ายทอดสด AIS PLAYวันอาทิตย์ 20 พฤศจิกายน 2022 17. นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี พบ ชลบุรี เอฟซี สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถ่ายทอดสด AIS PLAY18. ลำปาง เอฟซี พบ ลำพูน วอริเออร์ สนามกีฬากลางจังหวัดลำปาง ถ่ายทอดสด CH5/ AIS PLAY18.
บอลเปลี่ยนโคช! ท่าเรือ เฉือน ราชบุรี 1-0 บิ๊กแมตช์สัปดาห์นี้ ชลบุรี เอฟซี vs บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก เมื่อวานนี้ (11 พ. ย. ) การท่าเรือ เอฟซี พบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ในคู่แรก ส่วนคู่ที่ 2 คือ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด พบกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด การท่าเรือ เอฟซี มีการเปลี่ยนโคชหลัง ดุสิต เฉลิมแสน ตัดสินใจลาออก โดยใช้อดีตโคช สระราวุฒิ ตรีพันธ์ คุมทีมแทน ครึ่งแรกทำอะไรกันไม่ได้ จบที่ 0-0 ครึ่งหลัง การท่าเรือฯ เปิดเกมรุกอย่างต่อเนื่อง จนถึงนาทีที่ 68 ความพยายามเป็นผล บดินทร์ ผาลา ได้บอลทางซ้ายลากตัดเข้ากลาง ก่อนตัดสินใจยิงเข้าไป บอลพุ่งหนีมือ กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ทำให้การท่าเรือฯ ชนะ ราชบุรีฯ 1-0 ส่วนอีกคู่หนึ่ง เชียงใหม่ ยูไนเต็ด พบกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ครึ่งแรกทั้ง 2 ทีมสู้กันอย่างสนุก แต่จบสกอร์ไม่เด็ดขาด ผลยัง 0-0 แต่ครึ่งหลัง ทีมเยือน ขอนแก่นฯ ได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 52 จากจังหวะบอลทำชิ่งกันถึง อิบสัน เมโล หลุดเข้าไปยิง จากนั้น เจ้าบ้าน เชียงใหม่ฯ เปิดเกมรุกเพื่อหวังยิงประตูคืน แต่โดนสวนกลับ เป็น อิบสัน เมโล แตะบอลหลบกองหลังผ่านให้ จักรกริช พาละพล นักเตะทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี แปนิ่ม ๆ เข้าไป ทำให้ขอนแก่นฯ ชนะ เชียงใหม่ฯ 2-0 โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2564 18.
co. th". Buriram United vs Muangthong United. Retrieved 26 December 2015. ↑ ซานโต้ยิงโทน! 'บุรีรัมย์' เฉือน 'บีจี' 1-0 คว้าแชมป์ถ้วย ก จาก ไทยรัฐ ↑ บุรีรัมย์เฉือนกูปรีคว้าแชมป์โตโยต้าลีกคัพ จาก โพสต์ทูเดย์ ↑ "บุรีรัมย์" คว้าแชมป์แม่โขงคลับ จาก โพสต์ทูเดย์ ↑ ปราสาทแกร่งจริง! ทุบกิเลน 3-1 ซิวแชมป์ช้าง เอฟเอ คัพ จาก สยามกีฬารายวัน ↑ ประวัติศาสตร์ต้องจารึก! “บุรีรัมย์” 5 แชมป์ ทีมแรกเอเชีย จาก สนุก. คอม ↑ พลิกล็อก! "บุรีรัมย์" พ่ายจุดโทษออลสตาร์เขมร "กิเลน" แพ้เหงียน จาก ผู้จัดการออนไลน์ ↑ โมริตซ์-ดานิโลปลดล็อก! บุรีรัมย์อุ่นเชือดโปฮัง 2-1 ↑ 'โมริตซ์' เบิ้ล! 'บุรีรัมย์' อัด 'ออลสตาร์ลีกลาว' 3-1 จาก ไทยรัฐ ↑ "โกซุลกิ" เหมา2ปราสาทแซงคว้าแชมป์พรีเมียร์คัพ จาก เดลินิวส์ ↑ ปราสาทผ่ากิเลน 3-1 ซิวถ้วย ก 4 สมัยติด ↑ เนวินขอบคุณGU12ยืนหยัดข้างบุรีรัมย์แม้จบACLด้วยสถิติแย่สุด ↑ แถลงการณ์จากสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ↑ ตารางคะแนนไทยลีก ↑ "เมืองทองฯ 3 - 1 บุรีรัมย์: กิเลนฝังแค้นลึกลงใจปราสาท 10 คน".
2513 โดยดร. วีระ ปิตรชาติ มีเป้าหมายเพื่อให้พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ออกกำลังกายและสร้างความสามัคคีร่วมกันในหมู่คณะ ต่อมาในปี พ. 2535 สโมสรเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ง. โดยลงเล่น 3 ฤดูกาลก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นในถ้วย ค. และลงเล่นอยู่ 2 ฤดูกาลก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นถ้วย ข. และอีก 2 ฤดูกาลสโมสรก็สามารถเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ หลังจากลงเล่นในดิวิชั่น 1 อยู่นานสโมสรก็ได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เมื่อได้รองแชมป์ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2547 และได้เล่นในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2548 โดยฤดูกาลแรกในลีกสูงสุดสโมสรสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อได้ตำแหน่งรองแชมป์ และศุภกิจ จินะใจ กองหน้าของทีมก็คว้าตำแหน่งดาวซัลโวร่วมกับศรายุทธ ชัยคำดี กองหน้าของทีมการท่าเรือไทย ที่จำนวน 10 ประตู และยังได้เล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2549 ร่วมกับสโมสรฟุตบอลยาสูบ อีกด้วย แต่ทั้ง 2 สโมสรกลับส่งรายชื่อผู้เล่นให้เอเอฟซีไม่ทันตามที่กำหนด จึงทำให้ทั้ง 2 สโมสรถูกตัดสิทธิและพลาดโอกาสลงเล่นในรายการระดับทวีปในท้ายที่สุด ฤดูกาล 2551 สโมสรสามารถคว้าแชมป์ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของประพล พงษ์พาณิชย์และได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขันเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือก ในฤดูกาล 2552 ฤดูกาล 2552 สโมสรตกรอบคัดเลือกเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ทำให้ไม่สามารถเข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มได้ และมีผลงานในลีกไม่ดีนัก สโมสรจึงได้เปลี่ยนผู้จัดการทีมในเดือนพฤษภาคม ปี 2552 จากประพล พงษ์พาณิชย์ เป็นทองสุข สัมปหังสิต อดีตผู้จัดการทีมชาติไทย ชุดแชมป์ซีเกมส์ ที่นครราชสีมา การซื้อกิจการสโมสร[แก้] การซื้อกิจการสโมสรเกิดขึ้นในช่วงฤดูกาล 2552 จากความต้องการของนายเนวิน ชิดชอบ นักการเมืองของจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ต้องการซื้อหุ้นทีมฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีก ให้ย้ายไปเล่นในนามจังหวัดบุรีรัมย์เป็นการชั่วคราว ในขณะเดียวกันก็สร้างทีมใหม่อีกหนึ่งทีม ไต่อันดับขึ้นมาจากดิวิชันต่ำสุด[5] ในเบื้องต้นได้เจรจากับสโมสรฟุตบอลตำรวจ แต่ได้รับการปฏิเสธ [1] นายเนวินได้มีการเจรจาในเบื้องต้นกับสโมสรฟุตบอลทีโอทีและสโมสรฟุตบอลทหารบก[6] แต่ตกลงกันไม่ได้ ในที่สุดจึงได้มีการซื้อขายหุ้นของสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคซึ่งมีผลงานสิ้นสุดฤดูกาลในอันดับที่ 9 ทางสโมสรได้ตกลงที่จะย้ายสนามแข่งจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์[1] หลังจากนั้นทางสโมสรได้เปลี่ยนแปลงชื่อทีมเป็นบุรีรัมย์-พีอีเอ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทีมผู้บริหารทั้งหมดและทีมผู้ฝึกสอนบางส่วน ฤดูกาล 2553–2554: ยุคแรกของสโมสร[แก้] บุรีรัมย์ยูไนเต็ดเป็นแชมป์เอฟเอคัพในปี พ.
'แมตต์ ฮอลแลนด์' รับท่าเรือต้องพร้อมที่สุด เพื่อรับมือบุรีรัมย์ - ThaiPost
การท่าเรือ VS บุรีรัมย์ : พรีวิว ฟุตบอลไทยลีก 2022/23